ข้อดีของระบบ น้ำหยด
ระบบน้ำหยด เป็นเทคโนโลยี่ การชลประทานอีกวิธีหนึ่งในหลายๆวิธีเป็นการให้น้ำแก่พืช โดยส่งน้ำผ่านระบบท่อและปล่อยน้ำออกตามหัวน้ำหยด ซึ่งติดตั้งไว้บริเวณโคนต้นพืช น้ำจะหยดลงมาบริเวณรากช้าๆ สม่ำเสมอในอัตรา 4-20 ลิตรต่อชั่วโมง ที่แรงดัน 5-25 PSI ขึ้นอยู่กับระบบ ชนิดพืช ขนาดพื้นที่ และชนิดของดิน ทำให้ดินมีความชื้นคงที่พืชต้องการและเหมาะสมตลอดเวลาและส่งผลให้พืชเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของน้ำหยดมีหลายประการ
1. ประหยัดน้ำกว่าทุกๆ วิธีไม่ว่ารดด้วยมือหรือใช้สปริงเกอร์ หรือวิธีอื่นไดก็ตาม และแก้ปัญหาภาวะวิกฤตการขาดแคลนน้ำในบางฤดูซึ่งเริ่มเกินขึ้นในปัจจุบัน
2. ประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการ กล่าวคือลงทุนครั้งเดียวแต่ได้ผลคุ้มค่าในระยะยาว การติดตั้งอุปกรณ์ไม่ยุ่งยากติดตั้งครั้งเดียวและใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งานสามารถควบคุมการเปิดปิดน้ำได้ โดยระบบ Manual หรือ Micro controler
3. ใช้ได้กับพื่นที่ทุกประเภทไม่ว่าดินร่วน ดินทราย หรือดินเหนียว รวมทั้งดินเค็มและดินด่าง น้ำหยดจะไม่ละลายเกลือมาตกค้างอยู่ที่ผิวดินบน
4. สามารถใช้ได้กับพืชประเภทต่งๆได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นพืชที่ต้องการน้ำขัง
5. เหมาะสำหรับพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ต้องการใช้น้ำอย่างประหยัด
6. ประหยัดเวลาทำงาน ไม่ต้องคอยเฝ้า ใช้เวลาไปทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่พร้อมๆ กับการให้น้ำ
7. .ให้ประสิทธิภาพการให้น้ำสูงสุด 75-95 % ซึ่งทำให้มีการสูญเสียน้ำน้อยที่สุดและเมื่อเปรียบเทียบกับการปล่อยน้ำท่วมขังมีประสิทธิภาพเพียง 25-50% ในระบบสปริงเกอร์แบบติดตายตัวมีประสิทธิภาพ70-80% และในระบบสปริงเกอร์แบบเคลื่อนย้ายได้มีประสิทธิภาพ 65-75% ประหยัดเวลาในการทำงานไม่ต้องคอยเฝ้า ใช้เวลาไปทำอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ ไปพร้อมๆกับการให้น้ำ
8. ลดการระบาดของศัตรูพืชได้ดีเช่น โรคพืช และ โรควัชพืช
9. ได้ผลผลิตสูงกว่าการทำชลประทานแบบอื่น ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพในขณะเดียวกันก็มีการประหยัดต้นทุนน้ำทำให้มีกำไรสูงกว่า
10. ระบบน้ำหยดสามารถให้ปุ๋ยและสารเคมีอื่นๆละลายไปกับน้ำ พร้อมๆกัน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาใส่ปุ๋ยพ้นยาอีก ทั้งนี้ต้องติดตั้งอุปกรณ์จ่ายปุ๋ย (cinijector) เข้ากับระบบ
ระบบน้ำหยดเป็นเทคโนโลยีใหม่
ต้องใช้ต้นทุนสูงในระยะแรกๆ การติดตั้งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำและเกษตรกรต้องมีความรู้เรื่องการใช้น้ำของพืชแต่ละชนิดที่ปลูกเช่น มะเขือเทศ ต้องการน้ำ 40 มิลลิลิตร/ไร่/วัน หรือปริมาณ 1.5 ลิตร/ต้น/วัน
เป็นต้น นอกจากนี้เกษตรกรต้องมีการค้นคว้าหาข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข่องเพื่อนำมาประยุกค์ในการออกแบบติดตั้งบริหารระบบ จะต้องคำนึงถึงการจัดการเช่น ระยะเวลาให้น้ำการใช้ปุ๋ยตลอดจน ต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆพืชจึงจะได้รับปุ๋ย หรือสารเคมีใช้พอในช่วงของการเจริญเติบโต
การบริหารน้ำให้ได้สูงสุดมี 3 ประการ
1. การให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสม กับความต้องการของพืชแต่่ละชนิด
2. การให้ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสมซึ่งจะระบายเข้าสู่ระบบ
3. ในการวางแผนบำรุงรักษาระบบ
ช่องทางสะดวกเพื่อ
สอบถามรายละเอียด
Line@ : @3conceptsdesign
หน้าที่เข้าชม | 1,151,271 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 601,836 ครั้ง |
เปิดร้าน | 13 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |